วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ทำไมธุรกิจถึงเข้าสู่การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์

อินเตอร์เน็ต ได้กลายเป็นช่องทางใหม่ในการติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรกับองค์กร หรือ องค์กรกับบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในเครื่องมือนั้นก็คือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล์   ร้อยละ 68 ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้นจะใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นประจำ ข้อมูลจาก Nielsen/NetRatings เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 ระบุว่า ร้อยละ 35 ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในสหรัฐฯ จะเชื่อมต่อโปรแกรมจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไมโครซอฟต์ เอาท์ลุก ตลอดเวลาขณะที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ และเชื่อกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเกือบทั้งหมดจะเชื่อมต่อโปรแกรมจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตลอด เวลา นั้นหมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงทุกคนด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เหมือนกับการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เลยทีเดียว

 
ด้วย ศักยภาพและแนวโน้มการใช้งานของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่สูงขึ้น จึงทำให้บริษัทต่างๆ หันมาสนใจที่จะใช้การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยจะเข้ามาแทนที่การตลาดผ่านจดหมายไปรษณีย์แบบดั้งเดิมหรือแม้กระทั่งการ ตลาดด้วยสื่อโทรทัศน์ วิทยุหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ เหตุผลหลักๆ ที่ธุรกิจเข้าสู่การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นก็คือ

ค่าใช้จ่ายที่ต่ำของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดแสตมป์ ค่าพิมพ์และค่ากระดาษ ซึ่งต้นทุนเหล่านี้จะประมาณร้อยละ 60 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากประสบการณ์แล้วค่าใช้จ่ายในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อส่งจดหมายไปรษณีย์ (ไดเร็คเมล์) ก็ประมาณ 5-20 บาทต่อชุด (ขึ้นอยู่กับจำนวนจดหมายที่ส่ง) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำหรับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์แล้วก็จะประมาณ 0-1 บาทต่อชุดเท่านั้น (ประมาณว่า 1,000-5,000 บาทต่อการผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อแคมเปญ) 

ความเร็ว (Speed-to-Market) ด้วยสาเหตุที่ไม่มีขั้นตอนในการพิมพ์ จึงทำให้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์นั้นสะดวก ง่ายและรวดเร็วในการปฏิบัติ ความเป็นจริงแล้วเราก็สามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ อย่างทันที แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันจากเริ่มต้นแนวคิดจนถึงการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้รับข้อความ 

ประสิทธิภาพ (Efficient) จากรายงานของ Aberdeen Group “Responsys.com Profile”
ระบุ ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการตอบรับ (Response rate) ด้วยจดหมายไปรษณีย์นั้นมีเพียงร้อยละ 1-2 เท่านั้น หมายความว่าหนึ่งร้อยคนที่ได้รับจดหมายนั้น จะติดต่อหรือสนใจในบริการเพียง 1-2 คนเท่านั้น หรืออัตราการตอบรับด้วยการคลิก (Click-thru-rate) ของสื่อโฆษณาออนไลน์ด้วยโฆษณาแบนเนอร์นั้นน้อยกว่าร้อยละ 1 ซึ่งเมือเปรียบเทียบกับร้อยละ 10-15 ของอัตราการตอบรับด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบการตลาดอนุญาต (Permission Marketing) แล้ว การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้สร้างโอกาสให้นักการตลาดและปรับปรุง ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับการส่งจดหมายแบบเดิมถึง 5 เท่า และการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ถึง 20 เท่า 

สุดท้าย การวัดผล (Measurable) ด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต นักการตลาดสามารถที่จะเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้อย่าง มีประสิทธิภาพและด้วยความแม่นยำ ผู้ใช้บริการแต่ละรายที่เข้าสู่ระบบของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการระบุชื่อผู้ใช้และรหัสลับ หรือวิธีอื่น จะถูกเก็บข้อมูลไว้เพื่อใช้ประกอบในการจัดแบ่งกลุ่มและส่งข้อความตามลักษณะ ของผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งด้วยวิธีนี้ผู้รับข้อความก็จะได้รับข้อความที่ตรงตามความต้องการมาก ที่สุด (Personalization) นอกจากนี้แล้วในแต่ละแคมเปญของการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ นักการตลาดยังสามารถที่จะวิเคราะห์แคมเปญนั้นๆ ได้ อาทิ อัตราการเปิดรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Open rate) อัตราการตอบรับ (Click thru rate) อัตราการยกเลิกรับ (Unsubscribe) เป็นต้น ซึ่งจะช่วยการวิเคราะห์ชองนักการตลาดได้ดียิ่งขึ้นและปรับปรุงในแคมเปญต่อไป

อย่างไร ก็ตาม การตลาดด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังไม่สามารถที่จะแทนที่การตลาดแบบ ดั้งเดิมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการตลาดด้วยจดหมายไปรษณีย์ เพราะการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นยังอยู่ในวงแคบอยู่ จะมีเฉพาะกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเท่านั้นที่สามารถจะรับสื่อการตลาดจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ได้

ผู้แต่ง : นาวิก นำเสียง
บริษัท ซันเด โซลูชันส์​ จำกัด
www.sundae.co.th 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น