อินเตอร์เน็ต
ได้กลายเป็นช่องทางใหม่ในการติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรกับองค์กร หรือ
องค์กรกับบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในเครื่องมือนั้นก็คือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล์ ร้อยละ 68
ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้นจะใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นประจำ ข้อมูลจาก
Nielsen/NetRatings เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 ระบุว่า ร้อยละ 35
ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในสหรัฐฯ จะเชื่อมต่อโปรแกรมจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
อย่างไมโครซอฟต์ เอาท์ลุก ตลอดเวลาขณะที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่
ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้
และเชื่อกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเกือบทั้งหมดจะเชื่อมต่อโปรแกรมจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตลอด
เวลา นั้นหมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงทุกคนด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
เหมือนกับการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เลยทีเดียว
ด้วย
ศักยภาพและแนวโน้มการใช้งานของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่สูงขึ้น
จึงทำให้บริษัทต่างๆ หันมาสนใจที่จะใช้การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
โดยจะเข้ามาแทนที่การตลาดผ่านจดหมายไปรษณีย์แบบดั้งเดิมหรือแม้กระทั่งการ
ตลาดด้วยสื่อโทรทัศน์ วิทยุหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ เหตุผลหลักๆ
ที่ธุรกิจเข้าสู่การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นก็คือ
ค่าใช้จ่ายที่ต่ำของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดแสตมป์ ค่าพิมพ์และค่ากระดาษ
ซึ่งต้นทุนเหล่านี้จะประมาณร้อยละ 60 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จากประสบการณ์แล้วค่าใช้จ่ายในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อส่งจดหมายไปรษณีย์
(ไดเร็คเมล์) ก็ประมาณ 5-20 บาทต่อชุด (ขึ้นอยู่กับจำนวนจดหมายที่ส่ง)
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำหรับจดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์แล้วก็จะประมาณ 0-1 บาทต่อชุดเท่านั้น (ประมาณว่า
1,000-5,000 บาทต่อการผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อแคมเปญ)
ความเร็ว (Speed-to-Market)
ด้วยสาเหตุที่ไม่มีขั้นตอนในการพิมพ์
จึงทำให้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์นั้นสะดวก ง่ายและรวดเร็วในการปฏิบัติ
ความเป็นจริงแล้วเราก็สามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้
อย่างทันที แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะใช้เวลาไม่เกิน 3
วันจากเริ่มต้นแนวคิดจนถึงการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้รับข้อความ
ประสิทธิภาพ (Efficient) จากรายงานของ Aberdeen Group “Responsys.com Profile”
ระบุ
ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการตอบรับ (Response rate)
ด้วยจดหมายไปรษณีย์นั้นมีเพียงร้อยละ 1-2 เท่านั้น
หมายความว่าหนึ่งร้อยคนที่ได้รับจดหมายนั้น จะติดต่อหรือสนใจในบริการเพียง
1-2 คนเท่านั้น หรืออัตราการตอบรับด้วยการคลิก (Click-thru-rate)
ของสื่อโฆษณาออนไลน์ด้วยโฆษณาแบนเนอร์นั้นน้อยกว่าร้อยละ 1
ซึ่งเมือเปรียบเทียบกับร้อยละ 10-15
ของอัตราการตอบรับด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบการตลาดอนุญาต (Permission
Marketing) แล้ว
การตลาดจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้สร้างโอกาสให้นักการตลาดและปรับปรุง
ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเทียบกับการส่งจดหมายแบบเดิมถึง 5 เท่า และการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ถึง
20 เท่า
สุดท้าย การวัดผล (Measurable)
ด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต
นักการตลาดสามารถที่จะเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้อย่าง
มีประสิทธิภาพและด้วยความแม่นยำ
ผู้ใช้บริการแต่ละรายที่เข้าสู่ระบบของเว็บไซต์
ไม่ว่าจะด้วยวิธีการระบุชื่อผู้ใช้และรหัสลับ หรือวิธีอื่น
จะถูกเก็บข้อมูลไว้เพื่อใช้ประกอบในการจัดแบ่งกลุ่มและส่งข้อความตามลักษณะ
ของผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งด้วยวิธีนี้ผู้รับข้อความก็จะได้รับข้อความที่ตรงตามความต้องการมาก
ที่สุด (Personalization)
นอกจากนี้แล้วในแต่ละแคมเปญของการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
นักการตลาดยังสามารถที่จะวิเคราะห์แคมเปญนั้นๆ ได้ อาทิ
อัตราการเปิดรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Open rate) อัตราการตอบรับ (Click
thru rate) อัตราการยกเลิกรับ (Unsubscribe) เป็นต้น
ซึ่งจะช่วยการวิเคราะห์ชองนักการตลาดได้ดียิ่งขึ้นและปรับปรุงในแคมเปญต่อไป
อย่างไร
ก็ตาม
การตลาดด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังไม่สามารถที่จะแทนที่การตลาดแบบ
ดั้งเดิมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการตลาดด้วยจดหมายไปรษณีย์
เพราะการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นยังอยู่ในวงแคบอยู่
จะมีเฉพาะกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเท่านั้นที่สามารถจะรับสื่อการตลาดจดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์ได้
ผู้แต่ง : นาวิก นำเสียง
บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
www.sundae.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น