คงจะ
ไม่มีใครปฏิเสธความสำเร็จของบริการฟรีอีเมล์อย่าง Hotmail ได้
ที่มีจำนวนผู้ใช้อีเมล์ของ Hotmail
มากกว่าร้อยล้านรายจนเป็นที่สนใจของไมโครซอฟต์และตัดสินใจซื้อกิจการ
เพื่อที่จะผนวกกับโปรแกรม MSN ในการต่อกรกับโปรแกรมสื่อสารอย่าง ICQ และ
Yahoo Messenger ในเวลาต่อมา
หาก
ย้อนกลับไปราว 7-8 ปีที่ผ่านมา Hotmail
สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างงดงามและรวดเร็วในโลกอินเตอร์เน็ต
ด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบบอกต่อ หรือ การตลาดไวรัส ด้วยข้อความสั้นๆ ง่ายๆ ว่า
“Get your private, free email at http://www.hotmail.com”
ในท้ายทุกๆ อีเมล์ที่ถูกส่ง ในเวลานั้น ใครล่ะจะไม่สนใจของฟรี
จนทำให้เกิดเป็นกระแสฟรีอีเมลในเวลานั้นและจำนวนลูกค้าของ Hotmail
ก็เพิ่มอย่างมหาศาล จนสามารถชนะคู่แข่งที่เป็นฟรีอีเมล์เหมือนกันอย่าง Juno
ได้ ด้วยงบประมาณการตลาดของ Hotmail เพียง 5 แสนเหรียญสหรัฐเท่านั้น
ในขณะที่ Juno ต้องใช้งบประมาณการตลาดสูงถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่กลับไม่สามารถที่จะสร้างความสำเร็จได้เท่า Hotmail
บท
เรียนของ Hotmail
นี้สอนเราว่ากลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์และแตกต่างสามารถที่ประสบความ
สำเร็จในการดึงลูกค้าจำนวนมากและสร้างแบรนด์ได้เช่นกัน
ในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นการตลาดแบบบอกต่อถือว่าเป็นอาวุธสำคัญของกลยุทธ์การ
ตลาดสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม การตลาดแบบบอกต่อไม่สามารถที่จะนำมาใช้กับทุกๆ
กรณีได้เสมอไป ดังเช่นกรณีของ GMail
หลัง
จากที่ Google เครื่องมือค้นหาอันดับหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
จนทำให้การเปิดตัวบริการใหม่ๆ ภายใต้ Google ต้องเป็นที่สนอกสนใจเสมอ
เช่นเดียวกับฟรีอีเมล์ของ Google อย่าง GMail ที่กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ
Hotmail และ Yahoo Mail ในขณะนี้
แต่
ที่น่าสนใจอยู่ที่ว่ากลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างกับ Hotmail
จนกลายเป็นบทเรียนในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า GMail
มิได้ใช้เพียงกลยุทธ์การตลาดแบบบอกต่ออย่างเดียวเท่านั้น แต่ GMail
ให้ฟรีอีเมล์ที่มีความจุสูงสุดถึง 2 Gb ในขณะที่ Hotmail ให้เพียง 250MB
เหตุผลหลักก็คือ GMail ต้องการลูกค้าใช้บริการฟรีอีเมล์ของ GMail
อย่างจริงจังด้วยความจุที่มากกว่า แบบว่าไม่ต้องสร้างอีเมล์ใหม่ๆ ตลอดเวลา
อย่างที่ Hotmail ได้ประสบมาที่คนๆ เดียวจะมีอีเมล์ของ Hotmail ถึง 3-4
ชื่อ ทำให้ Hotmail ไม่สามารถทราบลูกค้าผู้ใช้งานจริงได้
ซึ่งมีผลต่อการขายโฆษณาออนไลน์ของ Hotmail
อีก
เหตุผลที่ GMail ให้ความจุถึง 2 Gb
เพราะต้องการข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าและสามารถนำไปใช้เพื่อการโฆษณาได้ GMail
สามารถโฆษณาออนไลน์โดยอ้างอิงหัวข้อและเนื้อหาในอีเมล์ เช่น
ถ้าอีเมล์นั้นมีคำว่า “คอมพิวเตอร์” อยู่
โฆษณาที่เป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ก็จะปรากฏข้างๆ อีเมล์นั้น
เป็นต้น ซึ่งโฆษณาประเภทนี้จะตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นอกจาก
นี้แล้ว GMail ก็ให้ความสำคัญกับลูกค้าเก่าและใช้บริการบ่อยๆ
คุณจะสังเกตุว่าผู้ใช้ GMail ใหม่จะมาจากการแนะนำจากเพื่อนเพียงเท่านั้น
คุณจะไม่สามารถสมัครได้เองผ่านทางเว็บไซต์โดยปราศจากการแนะนำ
หลังจากที่ลูกค้า GMail ใช้งานอีเมล์บ่อยๆ และนานระยะหนึ่ง
ลูกค้าจะได้สิทธิ์ในการแนะนำเพื่อนให้ใช้บริการ GMail ต่อได้
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความรู้สึกที่ดีต่อลูกค้าเก่า
บท
เรียนของ GMail
สอนเราว่าลูกค้าจำนวนมากนั้นไม่สำคัญเท่ากับการมีลูกค้าที่จงรักภักดีต่อเรา
โดยเราจะต้องพิจารณากลยุทธ์การตลาดตั้งแต่การรับลูกค้าชั้นดีจนถึงการให้
ลูกค้าใช้บริการของเราอย่างจริงจัง
แล้วความสัมพันธ์เหล่านี้จะสามารถสร้างรายได้และกำไรในที่สุด
ผู้แต่ง : นาวิก นำเสียง
บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
www.sundae.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น