ในขณะที่ WAP (Wireless Application Protocol)
กำลังใกล้เข้าจุดเสื่อมความนิยมนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
บริการส่งข้อความสั้น (Short Messaging Service) ที่เรียกสั้นๆ ว่า SMS
ก็ยิ่งพัฒนามากขึ้นมาเรื่อยๆ และก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุดความนิยมได้ด้วย
โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแถบยุโรปและบางประเทศในเอเชีย
สาเหตุที่บริการส่งข้อความสั้นได้รับความนิยมน่าจะมาจากความง่ายในการใช้และ
ราคาของค่าบริการที่ไม่แพง
จึงทำให้ผู้ใช้บริการสามารถที่จะส่งข้อความได้บ่อย สร้างเนื้อหา (Content)
ได้เอง โดยที่ WAP ไม่สามารถที่เอาชนะได้
สุดท้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เองก็ชักชวนให้ผู้ใช้บริการใช้บริการ
ส่งข้อความสั้นเป็นเครื่องมือในการสื่อสารแทนคำพูดด้วย
แต่เดิมที
เทคโนโลยีบริการส่งข้อความสั้นไม่ได้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นเครื่องมืออันทรง
คุณภาพในการติดต่อสื่อสาร เมื่อเทียบกับ WAP ดังนั้น
ปรัชญาของเทคโนโลยีบริการส่งข้อความสั้นจึงไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ใช้
ทั่วโลก โดยบริการส่งข้อความสั้นได้เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแถบยุโรป
ออสเตรเลียและบางประเทศในเอเชียเท่านั้น
หรือกลุ่มประเทศที่มีเทคโนโลยีบริการส่งข้อความสั้นสนับสนุนอยู่
ในประเทศสหรัฐฯ เองกลับตรงกันข้าม
ทั้งที่มีจำนวนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มากมายแต่กลับไม่ได้รับความ
นิยม เนื่องจากผู้ให้บริการทั้งหลายไม่สามารถตกลงกันได้
เพื่อเชื่อมต่อบริการส่งข้อความสั้นกัน
อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มการใช้งานของบริการส่งข้อความสั้นนี้
ก็มีเหตุผลหลายอย่างที่เอื้ออำนวยให้เทคโนโลยีบริการส่งข้อความสั้นเป็นจริง
เพื่อบริการผู้ใช้บริการทั่วโลกได้
- ความง่ายของการใช้ ที่ WAP ไม่สามารถทำได้
- ค่าบริการที่ถูก จึงทำให้ไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้ให้บริการแต่ละประเทศจะนำเทคโนโลยีบริการส่งข้อวามสั้นไปใช้
- และสุดท้าย เทคโนโลยีบริการส่งข้อความสั้นก็เกือบจะครอบงำทั่วโลกด้วย
กลุ่มประเทศที่มีการใช้บริการส่งข้อความสั้นมากที่สุดคือประเทศในกลุ่มยุโรป
อย่างประเทศสวีเดน มีการใช้บริการส่งข้อความสั้นประมาณ 500
ล้านข้อความในปีที่แล้ว ทั้งที่ประเทศนี้มีประชากรเพียง 9 ล้านคนเท่านั้น
พูดง่ายๆ คือ ชาวสวีเดนหนึ่งคนจะส่งข้อความสั้น 50 ข้อความต่อปีโดยเฉลี่ย
ซึ่งกลุ่มอายุระหว่าง 10-50 ปี ต่างก็มีอัตราการใช้งานที่พอๆ กัน
คืออยู่ที่จำนวน 24 ข้อความต่อวัน
ไม่เพียงแต่ประเทศสวีเดนเท่านั้นที่ใช้บริการส่งข้อความสั้นมาก
ยังไม่ประเทศอื่นๆ อีกในแถบยุโรปเหนือ รวมไปถึงอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี สเปน
ฮอลแลนด์ เบลเยี่ยม ออสเตรเลีย
และฟิลฟิปินส์ที่ติดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ใช้บริการส่งข้อความสั้นมากด้วย
คาดกันว่าจำนวนข้อความสั้นที่ส่งทั่วโลกสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 40
พันล้านข้อความต่อเดือน โดยเป็นจำนวนที่มากกว่าปีที่แล้วถึงเท่าตัว
และคาดกันว่าสิ้นปีหน้าจะมีจำนวนข้อความที่ส่งทั่วโลกอยู่ที่ 62.5
พันล้านข้อความต่อเดือน (แหล่งข้อมูลจาก Mobile Lifestreams ปี 2544)
ด้วยจำนวนการส่งข้อความสั้นที่มากขนาดนี้
มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่จะสามารถสร้างรายได้ที่แน่นอนจากการให้
บริการส่งข้อความสั้นนี้ คุณคงจะคุ้นเคยกับบริการส่งข้อความสั้นต่างๆ แล้ว
ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพหน้าจอโลโก้ (Screen saver) ริงโทน เกมส์และอื่นๆ
บริการส่งข้อความสั้นถูกนำมาใช้เพื่อการโฆษณาสร้างตราสินค้า (Branding)
น้อยมาก เครื่องดื่มน้ำอัดลมอย่าง โคคา-โคลา
เคยใช้บริการส่งข้อความสั้นเพื่อการสร้างตราสินค้า
โดยการพิมพ์รหัสลับไว้ใต้ฝาขวด
ซึ่งผู้ดื่มสามารถที่ตรวจสอบรางวัลผ่านบริการส่งข้อความสั้นได้ทันที
ในประเทศอังกฤษ
ไนท์คลับดังแห่งหนึ่งใช้บริการส่งข้อความสั้นเพื่อการขายบัตรชมการแสดงดนตรี
พร้อมทั้งส่งบัตรผ่านบริการส่งข้อความสั้นด้วย ผู้ที่ได้รับบัตร mTicket
จะแสดงข้อความสั้นพร้อมรหัสลับที่ได้รับเพื่อเข้าชมการแสดงดนตรี
ในประเทศไทย เริ่มมีการใช้บริการส่งข้อความสั้นมากขึ้น อาทิ
การใช้บริการส่งข้อความสั้นเตือนนักลงทุนเมื่อราคาของหุ้นอยู่ในระดับขึ้น
หรือลงตามที่กำหนดไว้ โดยเป็นบริการของ SETTRADE.com อย่างไรก็ตาม
ยังมีการประยุกต์ใช้แอปพลิเคชั่นของบริการข้อความสั้นน้อยอยู่
โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่บริการคุยสนทนา (Chat) โลโก้ และริงโทนอยู่
รูปแบบการสร้างรายได้ผ่านบริการส่งข้อความสั้นที่น่าสนใจนั้นยังมีน้อยอยู่
ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องอาศัยความคิดที่สร้างสรรค์และจะต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ที่กว้างด้วย
หากจะหวังรายได้จากโฆษณาผ่านบริการส่งข้อความสั้นนั้นก็คงจะลำบากอยู่เหมือน
กัน
วันนี้ผู้ให้บริการเนื้อหาจากการล่มสลายของยุคดอทคอมต่างรวมพลกันเพื่อที่จะ
สร้างสรรค์แอปพลิเคชั่นของบริการส่งข้อความสั้นกันมากขึ้น ซึ่งจากวันนี้ไป
คุณจะเห็นรูปแบบการให้บริการส่งข้อความสั้นมากขึ้นและสร้างสรรค์มากขึ้น
และปี พ.ศ. 2545 คงจะเป็นปีทองของบริการส่งข้อความสั้น
ผู้แต่ง : นาวิก นำเสียง
บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
www.sundae.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น